พระเจ้าวรวงค์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ทรงบำเพ็ญพระกุศลเป็นการส่วนพระองค์อย่างเรียบง่าย ในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ

วันนี้ (8 ตุลาคม 2563) เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติของพระเจ้าวรวงค์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ซึ่งทรงเจริญพระชันษา 38 ปี

ในการนี้ เฟซบุ๊กเพจกองทุนพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ที่มักเผยแพร่เรื่องราวส่วนพระองค์ของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ อยู่เป็นประจำ จึงได้เผยแพร่พระฉายาลักษณ์ที่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ทรงบำเพ็ญพระกุศลเป็นการส่วนพระองค์ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ ซึ่งเผยให้เห็นถึงพระจริยวัตรเรียบง่ายของพระเจ้าวรวงค์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ที่พสกนิกรชื่นชมกันอยู่เสมอ

โดยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ทรงบาตร เวลา 7.00 น. และถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ เวลา 10.00 น. ณ พระตำหนักพิมานมาศ จังหวัดชลบุรี

ข้อมูลและภาพ : กองทุนพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

5 ความประทับใจจาก “โห! เอื้อยอย่างจ๊วด” คลิปรายการแรกของ “พระองค์หริภา”

ทรงเมตตาต่อสัตว์เสมอ ‘พระองค์หริภา’ ทรงช่วยเหลือสุนัข 48 ตัว จากฟาร์มปิดกิจการ

‘พระองค์หริภา’ ทรงเผยประวัติ ‘คุณ Tomcat’ แมวทรงเลี้ยงตัวแรก ในวันกอดแมวสากล

The post ทรงเรียบง่าย “พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์” ทรงบำเพ็ญพระกุศลในวันคล้ายวันประสูติ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

เคล็ดลับที่ไม่ลับของ 5 เจ้าหญิงคนดังระดับโลก ที่จะมาเผยทิปส์ความงามซึ่งทำได้ง่าย ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ทุกวันในราคาเบาๆ

อยากสวยเหมือนเจ้าหญิงไม่ใช่เรื่องยาก หลายคนอาจจะคิดว่าเหล่าบรรดาเจ้าหญิงนั้นจะต้องใช้ข้าวของที่มีราคาแพงหรือจะเป็นสกินแคร์ หรือเครื่องสำอางในราคาจับต้องไม่ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วทุกพระองค์กลับมีเคล็ดลับความงามที่ไม่ต้องใช้เงินเยอะในการซื้อ หรือแทบจะไม่ต้องใช้เงินเลยก็มี

แพรวดอทคอมนำ 5 เคล็ดลับความงามของ 5 เจ้าหญิงคนดังมาให้สาวๆ ได้ลองนำไปปรับใช้กัน ถึงแม้ว่าเราจะไม่ใช่เจ้าหญิง แต่เราก็สวยได้ หากทำตามเคล็ดลับความงามของทุกพระองค์

เกรซ เคลลี่ เจ้าหญิงแห่งโมนาโค

สำหรับเคล็ดลับความงามของเจ้าหญิงเกรซ เคลลี่ แห่งโมนาโค นั้นหลายคนอาจจะพอคุ้นหูกันมาบ้าง เพราะพระนามของเจ้าหญิงเกรซนั้นถูกนำไปตั้งชื่อรุ่นกระเป๋าของ Hermès ซึ่งหนึ่งในเคล็ดลับความงามของพระองค์คือ “การทาครีมเพื่อบำรุงมือให้ดูอ่อนเยาว์ และไร้ริ้วรอยอยู่เสมอ” หลายคนอาจมองข้ามการดูผิวมือ แต่สาวๆ รู้ไหมคะว่า ถึงแม้หน้าจะตึงเพราะผ่านการโบท็อกซ์ หรือฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มในส่วนต่างๆ แต่มือนี่ล่ะค่ะที่จะเป็นอวัยวะที่จะบอกได้ว่าเราสูงวัยแค่ไหนแล้ว รู้แบบนี้ก็อย่าลืมบำรุงผิวมือกันทุกวันด้วยนะจ๊ะ ห้ามละเลยส่วนนี้เป็นอันขาด!

เจ้าหญิงไดอานา

นอกจากจะเป็นเจ้าหญิงผู้ซึ่งเป็นไอคอนในเรื่องสไตล์การแต่งตัวให้กับผู้หญิงทั่วโลกแล้ว ในเรื่องความสวยความงามนั้นพระองค์ก็ยังดูแลพระองค์ได้ดีไม่แพ้กัน ซึ่งเคล็ดลับความงามของเจ้าหญิงไดอานาที่สาวๆ ควรนำไปปรับใช้เป็นอย่างยิ่ง โดยในช่วงที่พระองค์มีพระชนม์ชีพอยู่นั้น คือเจ้าหญิงไดอานาจะลดปริมาณการดื่มเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์หรือไม่ดื่มเลย นอกเสียจากวันสำคัญเท่านั้น เพราะการดื่มแอลกอฮอล์นั้นจะส่งผลทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น ผิวหมองไม่มีออร่า รวมถึงยังทำให้เกิดริ้วรอย หากใครอยากมีผิวสวย ไร้ริ้วรอยและดูอ่อนกว่าวัย เซย์โนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กันเลยนะจ๊ะ แต่หากทำไม่ได้จริงๆ ก็ควรจิบแต่น้อย

เคท มิดเดิลตัน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์

ดัชเชสเคทแห่งเคมบริดจ์ หรือเจ้าหญิงเคทที่หลายๆ คนเรียกกัน พระองค์นอกจากจะเป็นต้นแบบที่ทรงมัธยัสถ์ เห็นได้จากการใส่ฉลองพระองค์ซ้ำกันหลายครั้ง หรือแม้กระทั่งทรง DIY ชุดเก่าให้กลายเป็นชุดใหม่ แต่เรื่องความสวยความงาม ดัชเชสเคทก็ยังทรงใช้ผลิตภัณฑ์จากดรักสโตร์ ซึ่งราคาไม่แพงแต่ประสิทธิภาพดีมาก คือ Nivea Soft Moisturizing Creme ครีมบำรุงผิวกาย เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ในราคาที่จับต้องได้เพียง $7 ดอลลาร์ หรือประมาณ 231 บาท และอีกหนึ่งไอเท็มที่พระองค์ขาดไม่ได้เลยคือ Rosehip oil ผลิตภัณฑ์จากออร์แกนิก สำหรับบำรุงพระพักตร์

โดยดัชเชสเคทเคยให้สัมภาษณ์ว่า พระองค์ชอบผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับผิว คือผิวของคุณจะนุ่มนวลและดูสมูทขึ้นมาทันที ซึ่งแบรนด์ที่ดัชเชสเคทใช้อยู่นั้นคือ trilogy จากประเทศนิวซีแลนด์ นอกจากนี้พระมารดาของพระองค์  Carole Middleton ก็ยังเป็นแฟนตัวยงของน้ำมันโรสฮิปแบรนด์นี้ด้วย

เมแกน มาร์เคิล ดัชเชสแห่งซัสเซกส์

ถึงแม้ว่าโดยส่วนใหญ่เราจะได้เห็นข่าวของ เมแกน มาร์เคิล ดัชเชสแห่งซัสเซกส์ ซึ่งพระองค์มักใส่ฉลองพระองค์ที่มีราคาแพง แต่สำหรับไอเท็มดูแลผิวพรรณนั้น ดัชเชสเมแกนทรงใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีราคาไม่แพงเลย ทรงเลือกใช้ NIVEA Q10 Firming Body Lotion เพื่อบำรุงผิวกาย ซึ่งพระองค์เคยประทานสัมภาษณ์ว่า

“ฉันพูดด้วยความจริงใจว่ามันเป็นโลชั่นที่ฉันชื่นชอบมากที่สุดในตลาด เพราะราคาไม่แพง และที่สำคัญมันสุดยอดมาก มันทำให้ผิวของฉันดูอะเมซิ่ง และฉันจะซื้อมันทุกครั้งถ้าหาเจอมัน”

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์

พระองค์หญิงสิริวัณณวรี เจ้าหญิงของคนไทย กับเคล็ดลับความงามง่ายๆ โดยพระองค์ทรงเริ่มจากการเสวยพระกระยาหาร ซึ่งพระองค์หญิงฯ นั้นชอบเสวยอาหารไทยอย่าง สมุนไพร ผัก ผลไม้ และไม่เน้นเสวยเนื้อสัตว์ ทั้งนี้สมุนไพรนั้นยังเต็มไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และยังมีวิตามินรวมถึงแร่ธาตุ รวมถึงพระองค์ยังใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติเช่น มะละกอ มะขาม และขมิ้นชัน ซึ่งมีผลทำให้ผิวพรรณกระจ่างใส

ภาพ : lovelygracekelly, fookie_beauty, Getty Image

The post เคล็ดลับที่ไม่ลับของ 5 เจ้าหญิงคนดังระดับโลก กับทิปส์ความงามที่ทำได้ทุกวัน ในราคาเบาๆ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงรับการทูลเกล้าฯถวายรางวัล ผู้นำสตรีโลก ประจำปี 2563

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2563 เวลา 17.30 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้คณะกรรมการเจ้าภาพการจัดประชุมสุดยอดผู้นำสตรีโลก (Global Summit of Women) เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท ณ วังสระปทุม เพื่อทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรางวัล ผู้นำสตรีโลก ประจำปี 2563 ในฐานะที่ทรงเป็นแบบอย่างที่เปี่ยมด้วยพระอัจฉริยภาพ ทรงเสียสละและทุ่มเท เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ และระบบการศึกษาของประชาชน

โดย Mrs. Irene Natividad ประธานจัดงานฝ่ายสากล ได้ถวายพระราชสดุดี และได้ขอพระราชทานพระราชานุญาตจารึกพระนามในหอเกียรติยศ ณ สถาบัน GSW ในประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อถวายพระเกียรติยศ และเผยแพร่ให้สาธารณชนได้ร่วมความแสดงความยินดีอย่างกว้างขวางยิ่งๆ ขึ้นไป สำหรับการประชุมสุดยอดผู้นำสตรีโลก (Global Summit of Women) ซึ่งเดิมมีกำหนดจัดระหว่างวันที่ 23-25 เมษายน 2563 ณ ห้องบอลรูม โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ และมีงานเลี้ยงต้อนรับที่พารากอนฮอลล์ สยามพารากอน เพื่อส่งเสริมให้ผู้ร่วมงานมีความเชื่อมั่นในประเทศไทย เศรษฐกิจไทย และผู้นำประเทศมีความสนใจที่จะมาจัดประชุมสัมมนา นิทรรศการระดับนานาชาติ และท่องเที่ยวในไทยต่อๆ ไป อีกทั้งจะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์สตรีไทยนั้นเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คณะกรรมการตระหนักว่า ผู้ร่วมประชุมนานาชาติอาจยังไม่สามารถเดินทางระหว่างประเทศได้ จึงจำเป็นต้องขอเลื่อนการจัดงานไปเป็นวันที่ 14-16 ตุลาคม 2564 ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ร่วมประชุมทั้งจากต่างประเทศและในไทยสามารถเข้าร่วมงานได้โดยสะดวกและพร้อมเพรียงกัน

The post “กรมสมเด็จพระเทพฯ” ทรงรับการทูลเกล้าฯถวายรางวัล ผู้นำสตรีโลก 2563 appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

ความมัธยัสถ์ถือเป็นคุณูปการสำคัญที่ทำให้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเรียนรู้หลักความพอเพียง สมถะมาตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์ จนกระทั่งสมเด็จย่ามีพระดำรัสในเวลาต่อมาว่า “ในสวนจิตรเนี่ย คนที่ประหยัดที่สุดคือในหลวงรัชกาลที่ 9 ประหยัดที่สุดทั้งน้ำ ทั้งไฟ เรื่องฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยไม่มี” ดังเช่นของใช้ส่วนพระองค์ที่รวบรวมมาให้ชมนี้ ซึ่งทำให้รู้ว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านทรงพอเพียงและทรงงานหนักเพียงใดเพื่อปวงชนชาวไทย

ฉลองพระบาท

ภาพจาก Facebook ต้นแบบแห่งชีวิต รองเท้าของพ่อ

ฉลองพระบาทคู่โปรดของพระองค์ท่านนั้น ถึงจะเก่าแต่ก็นำมาซ่อมเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่สามารถซ่อมได้แล้วจึงหยุด รองเท้าหนังสีดำธรรมดา สภาพชำรุดทรุดโทรมเนื่องจากการใช้งานหลายสิบปี ภายในรองเท้าผุกร่อนหลุดล่อนหลายแห่ง ซึ่งถ้าเป็นคนทั่วไปก็อาจจะทิ้งไปแล้ว เป็นสิ่งที่คุณศรไกร แน่นศรีนิล ช่างทำรองเท้าร้าน ก.เปรมศิลป์ (สี่แยกพิชัย) ได้เล่าย้อนถึงวันวานอันแสนประทับใจ

ในสมัยนั้นคุณศรไกรหลังจากที่เป็นลูกจ้างร้านซ่อมรองเท้ามาสิบกว่าปี ก็ได้มาเปิดร้านของตัวเองแถบถนนพิชัย วันหนึ่งเจ้าหน้าที่ของสำนักพระราชวังก็ได้ถือพานใส่รองเท้าเข้ามาในร้าน และนี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นอันทรงเกียรติที่ได้มีโอกาสถวายงานแก่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ยาวนานเป็นเวลาหลายสิบปี ซึ่งในครั้งแรกนั้นนอกจากจะใช้เวลาซ่อมฉลองพระบาทคู่สีดำเกือบเดือน เขายังถือโอกาสตัดฉลองพระบาทถวายพระองค์ท่านเพิ่มอีกคู่หนึ่งด้วย หลังจากนั้นก็ได้มีโอกาสซ่อมฉลองพระบาทอีก 4 คู่ที่ทรุดโทรมแตกต่างกันไป

ปัจจุบันนี้ร้าน ก.เปรมศิลป์ (สี่แยกพิชัย) ได้เก็บรักษาชิ้นส่วนพื้นฉลองพระบาทใส่กรอบไว้บนหิ้งบูชา ตกแต่งอย่างดี มีพานและผ้าคลุมพานสีเหลือง

กล้องถ่ายภาพคู่พระหัตถ์รุ่นแรก

ภาพ : topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2008/10/X7126197/X7126197.html

จากภาพในสื่อสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ และภาพบนอินเทอร์เน็ตที่ปล่อยออกมาอยู่เนืองๆ เรามักจะได้เห็นภาพที่พระองค์ท่านทรงพกกล้องถ่ายภาพ และอยู่ในพระอิริยาบถของนักถ่ายภาพ ไม่ว่าจะเสด็จฯไปที่ใดเสมอ แค่เฉพาะกล้องถ่ายภาพคู่พระหัตถ์ที่เป็นกล้องฟิล์มก็มีกว่า 20 รุ่น ฉายภาพร้อยเรียงเรื่องราวและแสดงถึงพระอัจฉริยภาพด้านการถ่ายภาพ ซึ่งพระองค์ท่านมีพระปรีชาสามารถไม่แพ้ด้านอื่น สำหรับกล้องตัวแรกที่ทรงใช้เป็นกล้องตัวเล็กๆ มีชื่อว่า Coronet Midget สีเขียวปะดำ ของฝรั่งเศส ราคา 2 ฟรังก์สวิส ที่พระองค์ท่านทรงซื้อด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์ เมื่อพระชนมายุเพียง 8 พรรษา ราวปี พ.ศ.2479

ดินสอทรงงาน

อย่างที่ทราบกันดีว่า พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเป็นแบบอย่างในหลายด้านแก่ปวงชนชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของ “ความพอเพียงและความประหยัดอดออม” ซึ่งดินสอไม้ที่พระองค์ทรงใช้ถือเป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงถึงด้านนี้ได้เป็นอย่างดี มีบันทึกว่าในปีหนึ่งพระองค์จะทรงเบิกดินสอที่มียางลบติดท้ายแท่ง เพียงแค่ 12 แท่งเท่านั้น โดยใช้เดือนละ 1 แท่ง จนกระทั่งดินสอแท่งนั้นกุดจนเขียนไม่ได้แล้วจึงเปลี่ยน ซึ่ง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ก็ทรงเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท โดยครั้นเมื่อทรงศึกษาที่โรงเรียนจิตรลดา พระองค์ท่านทรงใช้ดินสออย่างคุ้มค่าที่สุด เมื่อสั้นจะทรงใช้กระดาษมาม้วนต่อปลายดินสอให้ยาว เพื่อให้เขียนได้ถนัดมือจนกระทั่งหมด

หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมพระองค์ท่านจึงทรงเลือกใช้ดินสอในการทรงงานแทนปากกาตามสมัยนิยม ที่เป็นเช่นนั้นเพราะด้วยทรงเห็นว่าราคาถูกและผลิตได้ในประเทศ อีกทั้งเมื่อผิดก็สามารถลบออกได้ง่าย

สมุดบันทึกส่วนพระองค์

หลอดยาสีพระทนต์

ภาพหลอดยาสีพระทนต์นี้จะเห็นได้ชัดเจนว่ามีลักษณะแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอดยิ่งปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปจนถึงเกลียวคอหลอด สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะพระองค์ท่านทรงใช้ด้ามแปรงสีพระทนต์ช่วยรีดและกดจนเป็นรอยบุ๋ม หลายคนคงตั้งคำถามว่าแล้วภาพหลอดยาสีพระทนต์ส่วนพระองค์นี้มีมาให้เราชมได้อย่างไร เรื่องราวมีที่มาดังนี้

ครั้งหนึ่งแพทย์หญิง ท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพุช ทันตแพทย์ประจำพระองค์ และอดีตคณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กราบถวายบังคมทูลเรื่องศิษย์ทันตแพทย์จุฬาฯแก่พระองค์ท่าน ใจความเกี่ยวกับค่านิยมอันฟุ้งเฟ้อในการใช้ของนอกและมีราคาแพง ซึ่งมีความแตกต่างจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงนิยมใช้กระเป๋าผลิตภายในประเทศเช่นสามัญชนทั่วไป ทรงใช้ดินสอสั้นจนต้องต่อด้าม หรือแม้แต่ยาสีพระทนต์ของพระองค์ท่านก็ทรงใช้ด้ามแปรงพระทนต์รีดหลอดยาจนแบน ไม่หลงเหลือยาสีพระทนต์อยู่ในหลอด

ครั้นเมื่อกราบบังคมทูลเสร็จ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จึงรับสั่งว่าของพระองค์ท่านก็เหมือนกัน อีกทั้งเมื่อไม่นานมานี้มหาดเล็กห้องสรงเห็นว่ายาสีพระทนต์ของพระองค์คงใช้หมดแล้ว จึงได้นำหลอดใหม่มาเปลี่ยนให้แทน เมื่อพระองค์ทรงทราบ ก็ได้ขอให้เขานำยาสีพระทนต์หลอดเก่ามาคืน และพระองค์ท่านยังทรงสามารถใช้ต่อไปได้อีกถึง 5 วัน ด้วยพระจริยวัตรที่ดีงาม ทันตแพทย์ประจำพระองค์จึงได้กราบพระบาททูลขอพระราชทานหลอดยาสีพระทนต์หลอดนั้นไปประดับที่คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อนำไปเป็นเครื่องเตือนใจให้ศิษย์รู้จักประหยัด ลดการใช้ของฟุ่มเฟือย

ที่มา : ประภาส ชลศรานนท์ จากหนังสือพิมพ์มติชน วันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ.2543 คอลัมน์ “คุยกับประภาส”

อุปกรณ์งานช่าง งานวิจัยส่วนพระองค์

ของเล่นส่วนพระองค์

แผนที่ของในหลวงรัชกาลที่ 9

ภาพจาก board.palungjit.org

หากได้ติดตามพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านอย่างต่อเนื่อง จะพบว่านอกเหนือจากดินสอไม้มียางลบที่เป็นสิ่งของทรงงาน ทุกครั้งที่พระองค์ท่านเสด็จฯไป ณ สถานที่ใด จะต้องมีแผนที่อยู่แผ่นหนึ่งติดข้างพระวรกายเสมอ ซึ่งแผนที่ฉบับนั้นเรียกว่า “แผนที่มาตราส่วน 1 : 50,000” เป็นเครื่องมือที่นายช่างชลประทานใช้ในการวางโครงการชลประทานเบื้องต้น และหากคลี่แผนที่ของพระองค์ท่านออกมา จะพบว่ามีขนาดใหญ่มาก เนื่องจากทรงนำแผนที่หลายแผ่นมาต่อกันด้วยพระองค์เองอย่างปราณีต ขนาดถึง 9 แผ่น หรือ 9 ระวาง แล้วพับให้เหลือขนาดที่ทรงพกพาได้สะดวก เพื่อสามารถคลี่มาดูจุดที่ต้องการได้ในทันทีโดยไม่ต้องกางทั้งแผ่น

ครั้งหนึ่ง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเล่าถึง “แผนที่ของในหลวงรัชกาลที่ 9” ไว้ในรายการวิทยุ “พูดจาภาษาช่าง” ทางสถานีวิทยุจุฬาฯ โดยจะขอยกมาใจความหนึ่ง นอกเหนือจากขนาดที่กว้างกว่าแผนที่คนอื่น “ทุกครั้งก่อนที่จะเสด็จฯไปไหน พระองค์ท่านจะทรงเตรียมทำแผนที่และศึกษาแผนที่นั้นโดยละเอียด แล้วเมื่อเสด็จฯไปถึง พระองค์ท่านจะทรงสอบถามชาวบ้านว่าสถานที่นั้นอยู่ที่ไหน ทิศเหนือมีอะไร ทิศใต้มีอะไร ถามหลายๆ คน แล้วตรวจสอบไปมา ระหว่างที่ถามนั้นดูจากแผนที่ว่าแผนที่อันนั้นถูกต้องดีหรือไม่ น้ำไหลจากไหนไปที่ไหน” ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นสาเหตุว่าทำไมแผนที่ของพระองค์ท่านจึงเต็มไปด้วยรอยปะกาว

นาฬิกาส่วนพระองค์

พระองค์ทรงไม่เห็นความจำเป็นว่าต้องใช้ของแพง หรือต้องเป็นแบรนด์เนม ไม่โปรดสวมเครื่องประดับ เช่น แหวน สร้อยคอ ของมีค่าต่างๆ ยกเว้นนาฬิกา

คลังภาพในหลวงในงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี นาฬิกาบนข้อพระหัตถ์คือ Seiko SKJ045P นาฬิกาดำน้ำระบบ Kinetic ตัวเรือนเป็นไทเทเนียม ซึ่งถือว่าเป็นนาฬิการะดับธรรมดามากๆ เรียกภาษาชาวบ้านคือเป็นนาฬิกาใช้งาน แสดงถึงความเรียบง่ายและสมถะของพระองค์ท่าน และทรงเป็นแบบอย่างแห่งความพอเพียงอย่างที่สุด

ข้อมูลเรื่องนาฬิกา Withaya Heng

ขอบคุณข้อมูล: ddproperty.com เขียนโดย วัลย์ลดา หาญยุทธ
และภาพบางส่วน Timporn Chayawuttipong

The post 9 ของใช้ส่วนพระองค์ของ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ดูแล้วรู้ซึ้ง พ่อทรงงานหนักเพียงใด appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

เก็บไว้ในรอยจำ 90 พระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 พ่อแห่งแผ่นดิน

วันนี้ (13 ตุลคม 2563) เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่เวียนมาบรรจบครบรอบอีกปี

ในการนี้ แพรว ขอรวบรวม 90 พระบรมฉายาลักษณ์ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในห้วงพระชนมายุต่างๆ เพื่อให้พี่น้องไทยเก็บเป็นรอยจำหลักว่า พระองค์จะประทับอยู่ในใจเราตราบนิรันดร์

ขอกราบน้อมสำนึกต่อพระมหากรุณาธิคุณในทุกเรื่องราวที่พระองค์ทรงสรรสร้างให้ลูกหลานไทย ขอพระองค์สถิตบนสรวงสวรรค์และในใจปวงราษฎร์ตราบนิจนิรันดร์

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

“เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี” ทรงรับพระราชทานปริญญาศิลปกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์

“กรมสมเด็จพระเทพฯ” ทรงรับการทูลเกล้าฯถวายรางวัล ผู้นำสตรีโลก 2563

ทรงเรียบง่าย “พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์” ทรงบำเพ็ญพระกุศลในวันคล้ายวันประสูติ

The post เก็บไว้ในรอยจำ 90 พระบรมฉายาลักษณ์ ในหลวงรัชกาลที่ 9 พ่อแห่งแผ่นดิน appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

“กรมสมเด็จพระเทพฯ” เสด็จฯเปิดงาน เทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ Bangkok Art Biennale 2020 (BAB 2020)

เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2563 เวลา 17.30 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงาน เทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ Bangkok Art Biennale 2020 (BAB 2020) เป็นการส่วนพระองค์ ณ ชั้น 15 อาคาร The Parq (พระราม 4)

โดยมี นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในนามประธานกรรมการและผู้ก่อตั้งมูลนิธิ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่, นางปภัชญา สิริวัฒนภักดี, นายปณต สิริวัฒนภักดี, ม.ล.ตรีนุช สิริวัฒนภักดี, ศาสตราจารย์ ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ประธานอำนวยการและผู้อำนวยการศิลป์ บางกอกอาร์ต เบียนนาเล่, นายนิติกร กรัยวิเชียร กรรมการมูลนิธิ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ และคณะผู้จัดงานเฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จ

เทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ Bangkok Art Biennale 2020 (BAB 2020) เป็นงานที่มีหัวเรือใหญ่อย่าง บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ผสานความร่วมมือครั้งสำคัญจากภาครัฐและเอกชน ซึ่งกำหนดจัดขึ้นทุกๆ 2 ปี เพื่อสร้างสรรค์ศิลปะร่วมสมัย บอกเล่าความเป็นไทยไปทั่วโลก ถือเป็นโครงการสำคัญที่ทำให้กรุงเทพมหานครกลายเป็นศูนย์กลางแห่งการท่องเที่ยวที่สำคัญทางด้านศิลปะร่วมสมัยในอันดับต้นๆ ของโลก และเป็นจุดหมายของนักเดินทางผู้รักงานศิลปะจากทั่วโลก

เทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ Bangkok Art Biennale 2020 (BAB 2020) ชวนเสพงานศิลป์วิถีใหม่ New Normal กับผลงานศิลปะกว่า 200 ชิ้น โดย 82 ศิลปินชั้นนำทั่วโลก จาก 35 ประเทศ รวม 5 ทวีป ที่จะมาสร้างความอลังการและความยิ่งใหญ่ให้กับวงการศิลปะไทย กับแนวคิดหลักสุดท้าทาย “Escape Routes” หรือ “ศิลป์สร้าง ทางสุข” ที่จะนำมาจัดแสดงบน 10 สถานที่สำคัญใจกลางกรุงเทพมหานคร ได้แก่ เดอะ ปาร์ค, BAB BOX, เดอะ พรีลูด โครงการวัน แบงค็อก จัดแสดงตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2563 และจะเปิดแสดงเพิ่มในพื้นที่ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร, วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร, วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร, หอศิลปวัฒนธรรม แห่งกรุงเทพมหานคร, ล้ง 1919, มิวเซียมสยาม และ ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก โดยจะจัดแสดงตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2563 จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2564

ทั้งนี้ คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในนามประธานกรรมการ และผู้ก่อตั้งมูลนิธิ  บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ ได้กล่าวว่า “การจัดงานบางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2020 ถือเป็นการตอกย้ำความตั้งใจอย่างแน่วแน่ของมูลนิธิบางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ ที่จะใช้พลังสร้างสรรค์ของเหล่าศิลปินระดับโลกทั้งไทยและต่างประเทศจากทุกทวีปทั่วโลกมาช่วยส่งเสริม และกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมในรูปแบบของการจัดเทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ถึงแม้ทั่วโลกจะเผชิญกับสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี 2020  แต่ด้วยความร่วมมือร่วมใจของคนไทย ประเทศไทยถือว่าสามารถบริหารจัดการควบคุมการแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดงานครั้งนี้จะเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่แสดงให้ทั่วโลกได้มั่นใจในศักยภาพของประเทศไทยของเรา

“ศิลป์สร้าง ทางสุข” หรือ Escape Routes ที่เป็นแนวคิดหลักของการจัดงานครั้งนี้ คณะกรรมการบางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ ได้เล็งเห็นว่าช่วงเวลาของปี 2020 คือการขึ้นทศวรรษใหม่ที่ท้าทาย ซึ่งองค์การสหประชาชาติประกาศว่าเป็น “ทศวรรษแห่งการลงมือทำ” หลังจากการประกาศ 17 เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนมา 5 ปี ซึ่งกระตุ้นความตื่นตัวในเรื่องการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน รวมทั้งการตื่นตัวของบริษัทในตลาดทุนในหลายอุตสาหกรรมทั่วโลก ที่เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ ที่สามารถทำคะแนนได้สูงขึ้นในทุกปี แต่โลกของเราก็ยังมีเหตุการณ์ต่างๆ ที่นำมาซึ่งความกังวลใจร่วมกัน เช่น ปัญหาทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และโดยเฉพาะสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา ก็เป็นสิ่งเตือนใจให้กับคนทั่วไปในความใส่ใจในสุขภาพทั้งของตนเองและสุขภาพของโลกของเราที่ถือเป็นเรื่องสำคัญ   มูลนิธิบางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ จึงตั้งใจที่จะกำหนดแนวคิดหลักของงานให้เป็นการกระตุ้นศิลปินที่เป็นนักคิดนักสร้างสรรค์ที่ร่วมมาแสดงผลงานครั้งนี้ จะร่วมสร้างสรรค์ชิ้นงานศิลปะในรูปแบบต่างๆ ที่ถ่ายทอดและกระตุ้นความคิดใหม่ๆ อีกทั้งสะท้อนถึงมุมมองจากสถานการณ์ปัจจุบัน แล้วจะชวนเรามองไปถึงอนาคตที่น่าอยู่ที่ยั่งยืนได้อย่างไรนั้น เป็นเรื่องที่ชวนให้ติดตามชมเป็นอย่างยิ่ง

“ผมมีความยินดีขอเชิญชวนผู้ที่ชื่นชอบหรือผู้ที่รักในงานศิลปะทั้งหลายได้ติดตามชมงานศิลปะระดับโลกที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ เพราะนี่คือความคิดสร้างสรรค์จากศิลปินระดับโลกนานาชาติ 51 ท่าน จาก 35 ประเทศ และ ศิลปินไทย 31 ท่าน รวมแล้วเรามีศิลปินถึง 82 ท่าน ซึ่งมากกว่างานบางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ ที่จัดครั้งที่แล้วในปี 2018 ที่ผ่านมา การจัดงานบางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2020 ถือเป็นการตอกย้ำความตั้งใจอย่างแน่วแน่ของ มูลนิธิ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ ที่จะใช้พลังสร้างสรรค์ของเหล่าศิลปินระดับโลกทั้งไทย และต่างประเทศจากทุกทวีป ทั่วโลกมาช่วยส่งเสริมและกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม ในรูปแบบของการจัดเทศกาล ศิลปะร่วมสมัย นานาชาติ

“โดยในการจัดบางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ ครั้งที่ 1 เมื่อปี 2018 นั้น จากสถิติที่ TCEB หรือสํานักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ที่ได้เก็บข้อมูลตลอดการจัดงานพบว่า มีนักท่องเที่ยวในเชิงศิลปวัฒนธรรมจากต่างชาติสูงถึง 1.44 ล้านคน ในระหว่างการจัดงาน และสามารถสร้างรายได้เพิ่มทางเศรษฐกิจสูงถึง 8 พันล้านบาท ในปี 2020 นี้ ถึงแม้ทั่วโลกจะเผชิญกับสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี 2020 แต่ด้วยความร่วมมือร่วมใจของคนไทย ประเทศไทยเราถือว่าสามารถบริหารจัดการควบคุมการแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดงานครั้งนี้จะเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สําคัญที่แสดงให้ทั่วโลกได้มั่นใจในศักยภาพของประเทศไทยของเรา คณะจัดงานหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดงาน บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2020 ครั้งนี้ จะมีส่วนส่งผลให้กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางศิลปะร่วมสมัยระดับโลก และช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมด้านการท่องเที่ยว เสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สร้างรายได้ในภาพรวมตั้งแต่ชุมชนคนรักศิลปะไปจนถึงเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนในบริเวณโดยรอบของพื้นที่จัดงานได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว”

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

“กรมสมเด็จพระเทพฯ” ทรงรับการทูลเกล้าฯถวายรางวัล ผู้นำสตรีโลก 2563

ทรงเรียบง่าย “พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์” ทรงบำเพ็ญพระกุศลในวันคล้ายวันประสูติ

“เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี” ทรงรับพระราชทานปริญญาศิลปกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์

The post “กรมสมเด็จพระเทพฯ” เสด็จฯเปิดงาน Bangkok Art Biennale 2020 เป็นการส่วนพระองค์ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

ทำเอาแฟนๆ ราชวงศ์อังกฤษถึงกับออกมาตั้งคำถามเมื่อเห็นลุคใหม่ของ ดัชเชสเคท ในคลิปซึ่งกำลังถ่ายทำวิดีโอที่ Natural History Museum ในกรุงลอนดอน ว่าพระองค์นั้นทรงได้แรงบันดาลใจการแต่งตัวมาจาก เมแกน มาร์เคิล ดัชเชสแห่งซัสเซกส์หรืออย่างไร?

นานๆ จะเห็น ดัชเชสเคท ฉลองพระองค์สีดำ เพราะโดยส่วนใหญ่นั้นเธอมักจะแต่งกายในโทนเสื้อผ้าสีอ่อน หรือ สีสันสดใส แต่ในคลิปที่เผยแพร่ในอินสตาแกรม @kensingtonroyal เราได้เห็นลุคที่ต่างออกไป โดยดัชเชสเคทมาในลุคที่ดูสง่าเรียบหรู พระองค์ทรงสวมเสื้อเบลเซอร์สีดำจากแบรนด์ Alexander McQueen มูลค่า 1,240 ปอนด์ ซึ่งเข้ากับทรงผมดัดลอนสีน้ำตาลอ่อนได้อย่างดีเยี่ยม

และด้วยสไตล์ที่ไม่คุ้นตา งานนี้แฟนๆ ราชวงศ์อังกฤษส่วนหนึ่งได้ออกมาตั้งคำถามว่า “ดูเหมือนว่าลุคล่าสุดของดัชเชสเคทจะได้แรงบันดาลใจจากสไตล์การแต่งตัวของ เมแกน มาร์เคิล“ ซึ่งพวกเขาตั้งข้อสังเกตว่า มันดูเหมือนชุดที่ดัชเชสแห่งซัสเซกส์ใส่ขณะไปร่วมงาน The Well Child Awards เมื่อปี 2018 โดยครั้งนั้นเมแกนได้สวมเบลเซอร์ และ กางเกงสแล็คสีดำจากแบรนด์ Altuzarra

ทั้งนี้อินสตาแกรม @harry_meghan_updates ได้ออกมาโพสต์ว่า “เป็นเรื่องปกติมากที่จะได้รับแรงบันดาลใจจากสมาชิกในครอบครัวหรือแม้แต่เพื่อน นี่เป็นสิ่งแรกที่อยู่ในความคิดของฉัน”

‘คุณคิดว่าดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ได้รับแรงบันดาลใจจากดัชเชสแห่งซัสเซกส์หรือไม่ ? ซึ่งฉันเองคิดว่าอย่างนั้น ฉันคิดว่าเมแกนสร้างความประทับใจเป็นอย่างมาก! ‘

ขณะเดียวกันแฟนๆ ราชวงศ์คนอื่นก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า “ถูกต้อง ไม่เพียงแค่นั้น เคทยังเลิกใส่ farmer tweed (ผ้าพื้นเมืองของชาวสก็อต) และเห็นได้ชัดว่าเธอจ้างสไตล์ลิสต์เพื่อปรับปรุงตู้เสื้อผ้าของเธอ ซึ่งมีแบรนด์อิตาลีและ ฝรั่งเศสมากขึ้น’

นอกจากนี้ยังมีคอมเม้นต์ที่กล่าวเพิ่มเติมว่า ‘ฉันคิดว่าสไตล์ของเคทเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น มันทันสมัยขึ้นมาก และใช่เหมือนเมแกนมากขึ้น’ อย่างไรก็ตามมีคนอื่นๆ ที่ไม่เห็นด้วยและกล่าวว่า ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์เคยสวมเสื้อผ้าสไตล์แบบนี้ก่อนที่เมแกนจะพบกับแฮร์รี่เสียอีก

โดยแฟนราชวงศ์รายนี้ได้แสดงความคิดเห็นว่า ‘ไม่! ฉันไม่คิดอย่างนั้น เคทสวมเสื้อหรือแจ็คเก็ตสีดำมาก่อนที่เมแกนจะเข้ามาเป็นสมาชิกราชวงศ์ ทั้งคู่แตกต่างกัน แม้บางครั้งอาจจะชอบเสื้อผ้าเหมือนกัน แต่ฉันก็สงสัยว่า พวกเขาอาจมีอิทธิพลต่อกันและกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง’

แล้วคุณๆ ล่ะคิดว่าดัชเชสเคท หยิบลุคของ ดัชเชสเมแกนมาเป็นแรงบันดาลใจหรือไม่……

ข้อมูล : www.dailymail.co.uk

อีกกฎเคร่งครัด เหตุใดราชวงศ์อังกฤษต้องเตรียมชุดสีดำ เมื่อเดินทางไปต่างประเทศ

เพราะอะไร ‘ดัชเชสเคท’ สวมเดรสสีดำ แต่ไม่ผิดกฎราชวงศ์อังกฤษ

แหกกฎแฟชั่นราชวงศ์ ‘ดัชเชสเมแกน’ สวมเดรสดำในเวลาที่ควรเลี่ยง

The post แฟนๆ ราชวงศ์อังกฤษถก ดัชเชสเคท ได้แรงบันดาลใจในการแต่งตัวจาก เมแกน? appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

เป็นที่ทราบกันดีว่าเดือนตุลาคมสำหรับคนไทยเปรียบเสมือนเดือนมหาโศกที่ต้องหลั่งน้ำตามาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งวันนี้วันที่ 23 ตุลาคม แผ่นดินไทยต้องร่ำไห้ ใจแหลกสลาย ที่ได้สูญเสียพระราชาผู้เป็นที่รักยิ่งของชาวไทยอย่างพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วันนี้ซึ่งเป็นวันปิยมหาราช แพรวดอทคอม เองก็อยากจะนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับพระองค์ท่านเช่นกัน

ถ้าจะให้พูดเรื่องพระราชกรณียกิจหรือพระปรีชาสามารถทางด้านต่างๆ ของพระองค์ ทุกคนก็อาจจะได้ยินกันมาบ้างแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะขอพูดถึงเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ที่หลายคนอาจยังไม่รู้ หรือไม่ค่อยคุ้นหูคุ้นตากันมากนักมาเล่าต่อให้ได้ฟังกัน เนื่องจากเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าก็มีความสำคัญไม่น้อยเลย

เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า (อังกฤษ: The Most Illustrious Order of Chula Chom Klao) สถาปนาขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. 2416 ด้วยทรงเห็นว่าพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรีทรงอยู่ในราชสมบัติยั่งยืนนานมาเป็นเวลา 90 ปี ก็ด้วยความจงรักภักดีและการปฏิบัติราชการของพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการทั้งปวง

ทั้งมีพระราชประสงค์จะทรงชุบเลี้ยงบรรดาทายาทของบุคคลเหล่านี้ ให้มีความเจริญรุ่งเรืองในราชการสืบเนื่องต่อไป จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทายาทของผู้ได้รับพระราชทานสามารถรับพระราชทานตราสืบตระกูลของบิดาได้ โดยพระราชทานนามพระองค์ “จุลจอมเกล้า” เป็นนามของเครื่องราชอิสรยาภรณ์ตระกูลนี้ พร้อมทรงคิดคำขวัญจารึกบนดวงตราว่า “เราจะบำรุงตระกูลวงศ์ให้เจริญ”

หลังจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จออกผนวชตามประเพณีเป็นระยะเวลา 15 วัน และทรงเสด็จกลับมา พระองค์มีพระราชดำริว่า นับแต่การสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ มีพระมหากษัตริย์ครองสิริราชสมบัติมาถึง 5 พระองค์นับระยะเวลารวมได้ประมาณ 90 ปี โดยไม่มีเหตุการแก่งแย่งชิงอำนาจจนเกิดศึกกลางพระนครเมื่อมีการผลัดแผ่นดินดังเช่นสมัยกรุงศรีอยุธยา และถึงแม้พระองค์จะทรงครองสิริราชสมบัติเมื่ออายุยังน้อย พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการทั้งปวงก็มิได้รังเกียจและยังคงรับสนองพระเดชพระคุณเหมือนเช่นที่ผ่านมา

ซึ่งนับเป็นความดีความชอบพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการทั้งที่ล่วงลับไปแล้วและยังมีชีวิตอยู่ พระองค์จึงมีจิตคิดบำรุงวงศ์ตระกูลของท่านเหล่านี้ ดังนั้น พระองค์จึงทรงสถาปนาเครื่องราชอิสริยาภรณ์เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2416 โดยพระราชทานนามว่า “เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า” เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงอิสริยยศและเพื่อระลึกถึงความดีความชอบของท่านผู้ใหญ่ที่ได้รักษาแผ่นดินมาแต่ก่อนและผู้ที่ได้ทำนุบำรุงแผ่นดินในปัจจุบัน

เมื่อแรกสถาปนาเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้านั้นสามารถแบ่งได้ออกเป็น 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ปฐมจุลจอมเกล้า) ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้า (ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ, ทุติยจุลจอมเกล้า) และชั้นที่ 3 ตติยาจุลจอมเกล้า (ตติยจุลจอมเกล้า , ตติยานุจุลจอมเกล้า)  ซึ่งจะพระราชทานให้แก่พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการฝ่ายหน้าเท่านั้น

เมื่อปี พ.ศ. 2443 พระองค์มีพระราชดำริเห็นสมควรเพิ่มชั้นพิเศษสำหรับชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้าอีกชั้นหนึ่ง เพื่อให้เป็นเกียรติยศและประโยชน์แก่ผู้รับราชการยิ่งขึ้น เรียกว่า ปฐมจุลจอมเกล้าวิเศษ และในปี พ.ศ. 2457 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าชั้นที่ 3 ขึ้นเป็นพิเศษ เรียกว่า ตติยจุลจอมเกล้าวิเศษ เพื่อพระราชทานแก่ข้าราชการฝ่ายหน้าเพิ่มขึ้นอีกชั้น

หลังจากนั้น ในปี พ.ศ. 2436 พระองค์พระราชดำริสมควรที่จะทรงสร้างเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าฝ่ายในขึ้น เพื่อให้สมาชิกผู้ได้รับพระราชทานได้ประดับตนเป็นที่แสดงเกียรติยศเพิ่มขึ้น โดยแบ่งออกเป็น 4 ชั้น ได้แก่ ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้า ชั้นที่ 3 ตติยจุลจอมเกล้า และชั้นที่ 4 จตุตถจุลจอมเกล้า และเมื่อปี พ.ศ. 2442 ทรงพระราชดำริให้เพิ่มเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าสำหรับฝ่ายในในชั้นที่ 2 ขึ้นอีก 1 ชนิด เรียกว่า ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ เพื่อให้มีจำนวนชนิด 5 ชนิด (ในขณะนั้น) เช่นเดียวกับสำหรับพระราชทานฝ่ายหน้า

ข้อมูล : wikipedia

ภาพ :  wikipedia

The post เปิดเรื่องราว “เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า” จากในหลวงรัชกาลที่ ๕ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

สื่อนอกเผย เจ้าชายอับดุล อาซิม รัชทายาทลำดับที่ 4 พระราชโอรสพระองค์หนึ่งของสุลต่านแห่งบรูไน สิ้นพระชนม์แล้วด้วยโรคมะเร็งตับ ในขณะพระชนมายุ 38 พรรษา

เว็บไซต์ meaww.com ได้ออกมารายงานข่าวโดยอ้างว่าสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งรัฐบรูไนเผยว่า เจ้าชายอับดุล อาซิม พระราชโอรสของ สมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดีน วัดเดาละห์ แห่งบรูไนทรงสิ้นพระชนม์แล้วเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2563 เวลา 10.08 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยพิธีฝังพระศพจะมีขึ้นในเย็นวันเดียวกันนี้

แหล่งข่าวยืนยันข่าวกับเว็บไซต์ meaww.com ว่า เจ้าชายอับดุล อาซิม ได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมาสักระยะหนึ่งแล้ว ขณะเดียวกันมีการประกาศเพิ่มเติมว่า สำหรับประชาชนชาวบรูไนจะอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ 7 วัน โดยทุกคนจะสวมชุดสีขาว และ หญิงชาวมุสลิมจะต้องคลุมศีรษะด้วยผ้าสีขาว สำหรับคนที่ไม่ใช่มุสลิมให้สวมปลอกแขนสีขาว และมีการลดธงลงครึ่งเสา

สำหรับเจ้าชายอับดุล อาซิม นั้นเคยตกเป็นข่าวว่าพระองค์ทรงเป็นเกย์ แม้ว่าจะมีกฎหมายชารีอะห์ ซึ่งประกาศบังคับใช้โดยองค์สุลต่านบรูไน (พระบิดา) ว่าจะลงโทษบุคคลที่มีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกันด้วยการปาหินประหารชีวิต หรือถูกแส้ฟาด ซึ่งหลังจากที่ประกาศกฏหมายนี้ออกมา ได้เกิดเสียงวิพากษ์ วิจารณ์กันอย่างอื้ออึงจากคนทั่วโลก โดยเฉพาะชาวตะวันตก ที่ได้ออกมาประณาม และรณรงค์บอยคอตกิจการขององค์สุลต่านแห่งบรูไน

ทั้งนี้ เปเรซ ฮิลตัน บล็อกเกอร์ชื่อดังของสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาพูดถึงประเด็นนี้ด้วยว่า “คุณก็รู้ว่าผมไม่ค่อยได้เปิดเผยเรื่องของใครอีกแล้ว ผมเคยทำสมัยก่อน แต่ตอนนี้ผมต้องขอยกเว้น ผมเดาว่าองค์สุลต่านแห่งบรูไนไม่รู้ว่าลูกของพระองค์ เจ้าชายอาซิม เป็นเกย์ตัวพ่อ ผมรู้เพราะผมเคยอยู่กับเจ้าชายอาซิม”

อย่างไรก็ตามเจ้าชายอับดุล อาซิม ยังได้ทรงงานในด้านการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิสตรี และสนับสนุนสิทธิสตรีในประเทศอีกด้วย

Rolls-Royce 500 คัน! คลังมหาสมบัติ สุลต่านบรูไน หนึ่งในราชารวยที่สุดในโลก

ทำความรู้จัก Anisha Isa-Kalebic สาวผู้กุมหัวใจ เจ้าชายอับดุล มาทีน

The post บรูไนเศร้า! เจ้าชายอับดุล อาซิม รัชทายาทลำดับที่ 4 สิ้นพระชนม์ด้วยโรคมะเร็งตับ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

เผยคลิปประทับใจ “เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา” ทรงย้ำต่อหน้าพสกนิกร เงินทุกบาทเข้ามูลนิธิอาสา เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย

เมื่อค่ำคืนวันที่ 23 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา นอกจากภาพความประทับใจที่พสกนิกรได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา อย่างใกล้ชิดแล้ว

อีกหนึ่งความประทับใจที่กลายเป็นคลิปไวรัล ก็คือเหตุการณ์ระหว่างที่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงรับการถวายดอกไม้จากประชาชนอย่างทรงเป็นกันเอง แล้วมีประชาชนคนหนึ่งกล่าวขึ้นว่า “ขอถวายเงินเพื่อทำบุญค่ะ” สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา จึงตรัสตอบทันทีว่า “มูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ดีไหม”

และหลังจากนั้น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ก็ทรงมีพระดำรัสย้ำอีกว่า ที่ทรงรับเงินไปนั้น จะไม่ทรงนำไปทำอะไรอย่างอื่นแน่นอน จะทรงนำไปทำบุญจริงๆ โดยจะทรงนำเงินบริจาคไปสมทบเข้ามูลนิธิอาสา เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ซึ่งพระองค์ทรงเป็นองค์ประธานกรรมการมูลนิธิฯ โดยเฉพาะช่วงนี้ที่กำลังเกิดอุทกภัยด้วย เงินนี้ก็จะถูกนำไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน

 

ดูโพสต์นี้บน Instagram

 

โพสต์ที่แชร์โดย Tan Nidhivir (@tanstudio) เมื่อ ต.ค. 23, 2020 เวลา 7:28am PDT

ทั้งนี้คลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่โดยผู้ใช้อินสตาแกรมชื่อ tanstudio พร้อมกับแคปชั่นว่า “ที่สุดในชีวิต ดั่งน้ำทิพย์ชะโลมใจ ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิตแด่สถาบันพระมหากษัตริย์ และขอตอบแทนคุณแผ่นดินไทยจนกว่าชีวิตจะหาไม่”

ข้อมูลและภาพ : tanstudio, พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เจ้าหญิงผู้กตัญญู ‘เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา’ ทรงสร้างความสุขให้ ‘พระองค์เจ้าโสมสวลี’ ในวันสำคัญ

ยลโฉมเครื่องประดับ ‘สมเด็จพระพันปีหลวง-สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ’ ทรงเคยสวมใส่

5 ความประทับใจจาก “โห! เอื้อยอย่างจ๊วด” คลิปรายการแรกของ “พระองค์หริภา”

The post คลิปพระดำรัสตรึงใจ “เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา” ทรงย้ำต่อหน้าพสกนิกร เงินทุกบาทเข้ามูลนิธิฯ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

ว่าที่คุณแม่ควรรู้! Hypnobirthing วิธีคลอดลูกที่ดัชเชสเคททรงเลือก

จากข่าวการมีพระประสูติกาลพระโอรสทายาทพระองค์ที่ 3 เจ้าชายหลุยส์ ของดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ และเป็นธรรมเนียมไปแล้วที่ทุกๆ ครั้งหลายคนคงได้เห็นภาพพระองค์ทรงอุ้มเจ้าชายน้อยพระองค์ใหม่เสด็จออกมาทักทายประชาชนที่ด้านหน้าอาคารลินโดวิง โรงพยาบาลเซนต์แมรี ในกรุงลอนดอน ด้วยพระพักตร์ที่สดใสและพระพลานามัยที่ดูแข็งแรง ซึ่งนั่นยังไม่ทันข้ามวันของการมีพระประสูติกาลเลย แสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็นคุณแม่เพิ่งคลอดที่ฟื้นตัวไวและสตรองมาก แพรวดอทคอมเชื่อว่า หลายคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งว่าที่คุณแม่คงอยากรู้ว่าพระองค์ทรงมีเคล็ดลับอย่างไร จึงนำมาบอกกันค่ะ

ดัชเชสเคท มีพระประสูติกาลแบบ Hypnobirthing

โดย ดัชเชสเคท ทรงเลือกวิธีการมีพระประสูติกาลแบบ Hypnobirthing ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่พระองค์ทรงเลือกใช้วิธีนี้ แต่นับเป็นครั้งที่ 3 แล้ว เพราะครั้งที่มีพระประสูติกาลเจ้าชายจอร์จเมื่อปี 2013 และเจ้าหญิงชาร์ล็อตต์เมื่อปี 2015 พระองค์ก็ทรงเลือกใช้วิธีนี้ด้วยเช่นกัน

สำหรับ Hypnobirthing เป็นการสะกดจิตเพื่อลดความเจ็บปวดจากการคลอดลูกด้วยวิธีธรรมชาติ ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อให้คำแนะนำกับจิตใต้สำนึกของเหล่าคุณแม่ โดยเน้นย้ำให้เชื่อมั่นในวิถีของธรรมชาติ ละทิ้งความตื่นกลัว เพราะเมื่อเกิดความเชื่อมั่นแล้ว ร่างกายและจิตใจก็จะผ่อนคลายตามไป ทำให้ลดความเจ็บปวดในการคลอดลูกได้

นอกจากนี้การสะกดจิต Hypnobirthing ยังเกี่ยวข้องกับการกำหนดลมหายใจ การใช้สมาธิ การจินตนาการภาพ การดูแลอาหารการกินและร่างกาย โดยกระบวนการต่างๆ นี้เหล่าคุณแม่สามารถฝึกปฏิบัติที่บ้านหรือโรงพยาบาลก็ได้ โดยเริ่มต้นด้วยการให้คุณแม่คิดว่าการคลอดลูกเป็นเรื่องง่าย และท่องข้อความที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เช่น “ฉันผ่อนคลายและลูกของฉันก็ผ่อนคลาย” อีกทั้งยังควรเลือกใช้คำที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากกว่า เช่น ใช้คำว่า “ความรู้สึก” แทนคำว่า “ความเจ็บปวด”

ทั้งนี้นอกจากดัชเชสเคทที่ทรงเลือกมีพระประสูติกาลแบบ Hypnobirthing แล้ว คนดังระดับโลกอย่าง Angelina Jolie และ Jessica Alba ก็เลือกใช้วิธีนี้ในการคลอดลูกเช่นกัน และเชื่อว่า Hypnobirthing น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจในการคลอดลูกสำหรับว่าที่คุณแม่ทั้งหลายด้วย ซึ่งอาจเริ่มด้วยการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือศึกษาข้อมูลเบื้องต้นก่อน แต่เชื่อว่าถ้าทำได้ รับรองว่าการคลอดลูกของเหล่าคุณแม่จะต้องออกมาราบรื่นแน่นอน ถ้าไม่เชื่อก็ลองย้อนไปชมภาพดัชเชสเคทหลังการมีพระประสูติกาลทั้ง 3 ครั้งสิคะ บอกเลยว่าพระพักตร์แจ่มใส สมเป็นคุณแม่สายสตรองจริงๆ

ที่มา :  wpxi.com,  thaihypnosis.com

ภาพ : vanityfair.com, laylebrity.com, IG : theroyalfamily

The post ว่าที่คุณแม่ควรรู้! Hypnobirthing วิธีคลอดลูกที่ดัชเชสเคททรงเลือก appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

 เคียชา เจ้าหญิงแห่งไนจีเรีย เผยก่อนที่จะอภิเษกสมรสกับ เจ้าชาย Kunle แห่งไนจีเรียนั้น เธอไม่ทราบมาก่อนเลยว่า ชายหนุ่มที่คบหาดูใจมานานถึง 2 ปี คือเชื้อพระวงศ์ จนกระทั่งพระมารดาของเจ้าชายนั้นเรียกเธอว่า “เจ้าหญิงของฉัน” ฟังดูอาจประหลาด แต่ทั้งหมด ทั้งมวลเป็นเพราะ “พรหมลิขิต”

คุณเชื่อเรื่องพรหมลิขิตหรือไม่ หรือคำกล่าวที่ว่า คู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกันดูเหมือนวลีเหล่านี้จะเกิดขึ้นจริง จากเรื่องราวของ เจ้าหญิงเคียชา และ เจ้าชาย Kunle แห่งไนจีเรีย เพราะความรักของทั้งคู่นั้นเกิดขึ้นที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งจากการพบกันโดยบังเอิญ

คบกัน 2 ปีไม่รู้ว่าคือเจ้าชาย! พรหมลิขิตเสกให้เคียชากลายเป็น เจ้าหญิงแห่งไนจีเรีย

จากหญิงสาวสามัญชนที่ดำรงชีพโดยการเป็นนางแบบ และนักแสดง ที่วิ่งวุ่นหางานในมหานคร นิวยอร์ก แต่เป็นเพราะพรหมลิขิต และวาสนาก้อนโตที่ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปตลอดกาล

เจ้าหญิงเคียชาได้ทรงเปิดพระทัยเล่าถึงเหตุการณ์ทั้งหมดกับ Insider ว่า 16 ปีที่แล้ว ฉันกำลังหลงทาง และยืนอยู่นอกโรงแรม ดับเบิลยูในกรุงนิวยอร์ก จากนั้นก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหา ซึ่งฉันไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะเป็นสามีในอนาคต และเป็นเจ้าชายแห่งไนจีเรีย

ตอนนั้นฉันรู้สึกได้ว่า มีคนกำลังมองมาที่ฉัน และพอเงยหน้าขึ้นไปก็พบว่ามีสุภาพบุรุษหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังยืนมองฉันอยู่ ขณะนั้นผู้คนในนิวยอร์กกำลังเดินกันอย่างขวักไขว่ ไม่มีใครหยุด ทุกคนกำลังเคลื่อนตัวไปที่ไหนสักแห่ง และเขาก็เดินเข้ามาหาฉัน แล้วพูดว่า “คุณคือผู้หญิงที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา ผมจะรู้สึกเป็นเกียรติมาก ถ้าคุณจะให้เบอร์โทรศัพท์กับผม”

แน่นอนว่า เคียชาในตอนนั้นตอบว่า “ไม่” อย่างไรก็ตามเธอได้อธิบายอย่างสุภาพว่า เธอไม่ชอบให้เบอร์กับคนแปลกหน้า และเธอก็ได้หันหน้าหนี และเดินจากมา เจ้าหญิงเคียชาอธิบายต่อว่า แต่ด้วย “สัญชาตญาณของผู้หญิง” ที่ประดังเข้ามา ทำให้เธอคิดว่า

“ผู้ชายคนนั้นก็ดูน่ารักดี  พูดจาไพเราะ และดูสุภาพ แถมยังไม่เรียกร้องความสนใจ ฉันเลยคิดว่าควรจะให้เบอร์เขา และดูต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

ฉันจึงได้หันกลับไปที่โรงแรมและพบว่า ชายคนนั้นยังยืนอยู่ที่เดิม พร้อมกับถือโทรศัพท์ในมือ เหมือนกับเขารู้ว่า ฉันจะเดินกลับมา เจ้าหญิงเคียชากล่าว

 

ดูโพสต์นี้บน Instagram

 

โพสต์ที่แชร์โดย Princess Keisha Omilana (@keishaomilana) เมื่อ ม.ค. 15, 2015 เวลา 3:46am PST

แต่สิ่งที่เคียชาไม่รู้เลยก็คือ เธอเพิ่งตกลงที่จะไปเดทกับ เจ้าชาย Adekunle “Kunle” Adebayo Omilana จากราชวงศ์ Arigbabuowo แห่งไนจีเรีย ซึ่งเธอไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาเลยตลอดเวลาที่คบหาดูใจกันถึง 2 ปี จนกระทั่งเคชาได้พบกับ พระมารดาของเจ้าชาย Kunle

ในตอนแรกที่พบกันนั้น พระมารดาของเจ้าชาย Kunle เรียกเธอว่า “เจ้าหญิงของฉัน” แต่เคียชาคิดว่ามันเป็นแค่ชื่อสัตว์เลี้ยงไม่ใช่ตำแหน่งในอนาคต และเธอก็ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า เธอถูกลิขิตให้เป็น เจ้าหญิง

และจากการที่เจ้าชาย Kunle ไม่ได้บอกอะไรเลยเกี่ยวกับครอบครัวของเขา จึงทำให้เคียชาละเลยกฎระเบียบ และสถานะของราชวงศ์ตลอดสองปีแรกที่คบกัน ในขณะเดียวกันเคียชาก็ได้โฟกัสไปที่การพัฒนาอาชีพนางแบบของเธอ

พื้นเพดั้งเดิมของ เคียชา มาจากอิงเกิ้ลวูด รัฐแคลิฟอร์เนีย เธอจบการศึกษาระดับปริญญาด้านการออกแบบแฟชั่นในชิคาโก ก่อนที่จะย้ายไปนิวยอร์ก ซึ่งในที่สุดเธอก็กลายเป็นนางแบบที่ประสบความสำเร็จ โดยได้ทำงานร่วมกับ L’Oreal, Maybelline, Revlon, Cover Girl และที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นการร่วมงานกับ แพนทีน

ชีวิตส่วนตัว และ อาชีพของเคียชากำลังถูกเกี่ยวพันกัน อย่างไรก็ตาม ในที่สุด เจ้าชาย Kunle ก็ทรงพา เคชาไปพบกับครอบครัวของเขา ซึ่งตอนนั้นเธอก็ยังคงไม่รู้ว่าเขาเป็นเจ้าชาย

“ในวัฒนธรรมไนจีเรียเมื่อคุณรู้ว่าต้องการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับใครสักคน หรือต้องการแต่งงานกับพวกเขา คุณจะพาเขาไปหาครอบครัวของคุณ ” เจ้าหญิงเคียชากล่าว

ฉันจำได้ว่าครั้งแรกที่พบกับแม่ของเขา เธอต้อนรับดีมาก “เธอโอบแขนฉันและเรียกฉันว่าลูกสาว” และพูดโดยทันทีว่า ‘เธอคือเจ้าหญิงของฉัน’

“เมื่อคุณได้ยินคำว่า “เจ้าหญิง” ส่วนใหญ่แม่ทุกคนก็เรียกลูกสาวของพวกเธอว่าเจ้าหญิงอยู่แล้ว นั่นคือสิ่งที่ฉันคิด แต่แล้วเราก็นั่งลงและเธอก็เล่าเรื่องราวต่างๆ ว่าลูกชายของเธอเป็นใคร ชื่อของเขาหมายถึงอะไร และ เขามาจากไหน

ในตอนนั้นฉันอยากจะอุทานดังๆ ว่า ‘oh my goodness.’ (โอ้พระเจ้าช่วย) แล้วฉันก็มองไปที่เขาแบบ “คุณลืมบอกอะไรฉันไปหรือเปล่า!!”

เจ้าหญิงผู้ทรงงาน

เจ้าหญิงเคียชาไม่ต้องการให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปหลังจากอภิเษกสมรส ท้ายที่สุดเธอก็ยังคงเป็นเคชา สาวแคลิฟอร์เนียที่ทำงานในฝัน ในเมืองใหญ่ เธอยังคงทำงานอย่างหนักเพื่อให้แน่ใจว่า ผู้คนยังคงเห็นเธอแบบนั้นอยู่

“ทุกคนคิดว่า ฉันไม่อยากทำงานอีกต่อไป เพราะฉันแต่งงานแล้ว” เจ้าหญิงเคียชากล่าว

ฉันยังคงไปแคสงาน และผู้คนที่นั่นอาจคิดว่า ‘คุณมาทำอะไรที่นี่ เราคิดว่าคุณจะอยู่ที่ French Riviera กับ เคท มิดเดิลตัน’  ด้วยเหตุนี้ฉันและทีมงานจึงกระฉับกระเฉงเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และยังคงโปรโมตแฮชแท็ก #TheWorkingPrincess” ต่อไป

ขณะเดียวกันเจ้าหญิงเคียชายังได้กล่าวเสริมต่อไปอีกว่า “ฉันชอบที่จะฝากเงิน และเช็คอีเมลที่มีชื่อของฉันอยู่ ฉันรู้สึกเสมอว่า สิ่งสำคัญที่ผู้หญิงจะต้องมีคือ ความมั่งคั่งอย่างอิสระ และมีความสุขอย่างอิสระ แม้ว่าเมื่อพวกเธอจะตัดสินใจแต่งงานกับคนในฝัน ซึ่งเป็นหุ้นส่วนชีวิตของพวกเธอเองก็ตาม”

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน เจ้าหญิงเคียชาได้ลบคำสบประมาทของผู้คน และฟังหูไว้หูจากสิ่งที่พวกเขาพูด ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่เจ้าหญิงเคียชายังคงเป็นนักศึกษาอยู่ โดยเธอได้รับการบอกกล่าวจาก ผู้อำนวยการ ฝ่ายแฟชั่นผู้หญิงในชิคาโกว่า

“บางคนสมควรจะอยู่บนเวที และบางคนควรที่จะอยู่หลังเวที ที่รักคุณถูกกำหนดให้อยู่หลังเวที”

หากวันนั้นเจ้าหญิงเคียชาได้ฟังคำแนะนำของ ผู้อำนวยการ คนนั้น ตอนนี้เธอคงไม่รู้จักในนาม ‘สาวแพนทีน’
เคียชาในตอนนั้นกลายเป็นผู้หญิงแอฟริกัน อเมริกัน คนแรกที่ได้รับบทในโฆษณาแพนทีนสามเรื่องติดต่อกัน โดยทางแบรนด์ได้เริ่มกระบวนการคัดเลือกนักแสดง สำหรับแคมเปญของเคียชา นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาค้นหา “ผู้หญิงผมหยิกหยักศกแบบแอฟโฟร” เธออธิบาย

แม้จะเจอความยุ่งยากมาบ้างระหว่างการแคสติ้ง และการถ่ายทำ เพราะผมที่หยักศก และใหญ่ของเธอ แต่เจ้าหญิงเคียชาก็ได้กล่าวว่า “ทุกครั้งที่คุณเป็นคนแรกที่ทำบางสิ่งในประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจอสิ่งที่เป็นด้านลบ มันมักจะเป็นข้อดีเสมอ”

“ในที่สุดผลบวกก็มีมากกว่าผลเสีย ทั้งหมดที่ฉันได้รับจากผมของฉัน ฉันเปลี่ยนจากเด็กผู้หญิงที่มีผมหยาบหนามาเป็นสาวแพนทีน” เธอกล่าว

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด มาจนถึงตอนนี้ เจ้าหญิงเคียชา และเจ้าชาย Kunle มีรัชทายาทด้วยกัน 2 คนคือ เจ้าชาย Adediran “Diran” King Omilana (อายุ 13 ชันษา) และเจ้าหญิง Adediora “Dior” Isabella Nicole Omilana (อายุ 6 ชันษา) ซึ่งเจ้าหญิงพระองค์น้อยยังเป็นนางแบบใน A Crown of Curls (ACOC) ที่เจ้าหญิงเคียชาก่อตั้งด้วย

ปัจจุบัน เจ้าหญิงเคียชายังทำธุรกิจดูแลเส้นผมสำหรับครอบครัวที่มีเด็กลูกครึ่ง โดยเปิดตัวครั้งแรกในเดือน มิถุนายน ปี 2017 เพื่อแสดงให้ผู้ปกครองเห็นถึงวิธีการจัดแต่งทรงผมของเด็กสาวในรูปทรงต่างๆ ทั้งนี้เจ้าหญิงเคียชาได้กล่าวว่า

“ฉันเริ่มต้น ACOC สำหรับเด็กหญิงที่มีผมผสมของทุกเชื้อชาติ ที่นี่เปิดให้บริการกับทุกสภาพเส้นผมไม่ว่าจะเป็นผมตรง ผมหยิก หรือหยักศก นอกจากนี้ยังเป็นการปลูกฝังให้เด็กสาวรักในตัวเอง หากย้อนกลับไปตอนที่คุณอายุ 6 หรือ 7 ขวบ สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่สำคัญสำหรับเด็กๆ แต่จริงๆ แล้วมันสำคัญมากที่จะต้องปลูกฝังสิ่งที่พวกเขาเป็นตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อที่เติบโตขึ้นมา และมีคนพยายามบอกสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่พวกเขาเป็น คือเรื่องแปลก” เจ้าหญิงเคียชา กล่าวปิดท้าย

ที่มา : www.insider.com

พบรักเจ้าชายในไนท์คลับ! จากหญิงสามัญชนสู่การเป็น เจ้าหญิงแห่งเอธิโอเปีย

งามทั้งกายและใจ 5 ราชนิกูลผิวสี พระสิริโฉมงดงามตามแบบฉบับของตัวเอง

The post คบกัน 2 ปีไม่รู้ว่าคือเจ้าชาย! พรหมลิขิตเสกให้เคียชากลายเป็น เจ้าหญิงแห่งไนจีเรีย appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

ชื่นมื่น “ในหลวง-พระราชินี” เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดพระแก้ว เพื่อทรงเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูหนาวพระแก้วมรกต พสกนิกรเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จเนืองแน่น

วันนี้ (1 พฤศจิกายน 2563) เวลา 17.55 น. พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ไปยังพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง เพื่อทรงเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูฝนเป็นเครื่องทรงฤดูหนาว ถวายพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต

ในการนี้ มีประชาชนจำนวนมากพร้อมใจกันมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นพระราชกรณียกิจภายในพระบรมมหาราชวัง ทุกพระองค์ทรงพระราชดำเนิน และพระดำเนินเยี่ยมเยียน และทรงทักทายประชาชนอย่างใกล้ชิด โดยทรงพระราชดำเนิน และพระดำเนินจากศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง ไปตามถนนจักรีจรัณย์ ออกประตูวิเศษไชยศรี เลี้ยวขวาเข้าถนนหน้าพระลาน มุ่งหน้ายังถนนพระราชดำเนินใน ไปยังบริเวณหน้าศาลหลักเมือง

โดยหนึ่งในเหตุการณ์ประทับใจ คือการที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระอักษรลงบนพระบรมฉายาลักษณ์ที่ประชาชนนำมาในการเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จว่า “ช่วยกันรักประเทศไทย และพี่น้องประชาชน รักบ้านเรา รักพี่น้องร่วมชาติ ด้วยความเมตตาและร่วมสามัคคีทำความดี”

ข้อมูลและภาพ : We love Royal Family Of Thailand, กรมประชาสัมพันธ์, โบราณนานมา

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

คลิปพระดำรัสตรึงใจ “เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา” ทรงย้ำต่อหน้าพสกนิกร เงินทุกบาทเข้ามูลนิธิฯ

โก้หรูทรงพลัง! เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี ทรงเผยโฉมคอลเล็คชั่น AW 2020/21

“กรมสมเด็จพระเทพฯ” ทรงรับการทูลเกล้าฯถวายรางวัล ผู้นำสตรีโลก 2563

The post ในหลวง ทรงพระอักษร “ช่วยกันรักประเทศไทย” พสกนิกรเนืองแน่นเฝ้าฯรับเสด็จ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

เจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์ เคยติดโควิด-19 เมื่อช่วงเดือนเมษายน 2563 ทั้งนี้แหล่งข่าวในวังอังกฤษเผย อาการประชวรค่อนข้างหนัก หายใจลำบาก แต่ยังปฏิบัติพระกรณียกิจอย่างต่อเนื่อง

เว็บไซต์ news.sky ได้ออกมารายงานโดยอ้างจากแหล่งข่าววงในว่า เจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์ ทรงติดเชื้อโควิด-19 เมื่อช่วงเดือนเมษายน 2563 ซึ่งเป็นเวลาไล่เลี่ยกับที่พระบิดา เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารแห่งราชวงศ์อังกฤษทรงติดเชื้อไวรัสโคโรน่าเช่นเดียวกัน

หายใจลำบาก! เจ้าชายวิลเลียมเคยติดโควิด อาการหนัก แต่ยังปฏิบัติพระกรณียกิจ

อย่างไรก็ตามข่าวที่ว่าเจ้าชายวิลเลียมทรงติดเชื้อโควิด-19 นั้นไม่ได้มีการเผยแพร่ออกไปให้ประชาชนรับรู้ เนื่องจากพระองค์ทรงกลัวว่าสาธารณชนจะตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และด้วยเจ้าชายวิลเลียมยังมีพระกรณียกิจที่ต้องปฏิบัติอีกหลายเรื่อง ทางสำนักราชวังจึงเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ

ทั้งนี้อาการประชวรของพระองค์ได้รับการรักษาโดยแพทย์ประจำสำนักพระราชวัง และถูกให้กักตัวอยู่ที่ พระตำหนักอันเมอร์ ฮอลล์ ในมณฑลนอร์ฟอล์ก ขณะเดียวกันเจ้าชายวิลเลียมก็ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจตามปกติ ผ่านทางโทรศัพท์ และ วิดีโอคอลอย่าง Zoom ถึง 14 ครั้งในเดือนเมษายน นอกจากนี้ยังมีการเผยด้วยว่า ช่วงหนึ่งของการรักษาเจ้าชายวิลเลียมทรงประชวรค่อนข้างหนัก หายใจลำบาก อาการน่าเป็นห่วงอย่างมาก

ด่วน! เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์ ทรงติด ไวรัสโคโรน่า (โควิด-19)

The post หายใจลำบาก! เจ้าชายวิลเลียม เคยติดโควิด อาการหนัก แต่ยังปฏิบัติพระกรณียกิจ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2563 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จไปยังสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ จังหวัดลำปาง เพื่อทรงเยี่ยมช้างพังฟ้าแจ่ม ลูกช้างป่าเพศเมีย อายุ 4 ปี จากอำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรี ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการถูกบ่วงดักสัตว์รัดบริเวณขาหน้าซ้ายจนปลายเท้าขาด และช้างพลายบุญหนา ลูกช้างเพศผู้ อายุ 4 ปี ที่เจ้าของเดิมชาวจังหวัดภูเก็ต น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย

ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ได้ทอดพระเนตรการรักษาช้างพังฟ้าแจ่ม และทรงเยี่ยมช้างพลายบุญหนา รวมถึงช้างอื่นๆ ในสถาบันฯ

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงแมตช์ พระมาลาแบรนด์ SIRIVANNAVARI กับฉลองพระองค์ผ้าพื้นถิ่น

จากนั้นพระราชทานอาหารช้าง และฉายพระฉายาลักษณ์ร่วมกับคณะผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางและเจ้าหน้าที่สถาบันฯ สร้างความประทับใจแก่พนักงาน ข้าราชการ และประชาชนทุกหมู่เหล่าที่มาเฝ้ารับเสด็จเป็นอย่างมาก

จากพระกรณียกิจนี้ นอกจากพระปณิธานที่ทรงใส่พระทัยเรื่องการอนุรักษ์และบริบาลช้างแล้ว สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ยังทรงเผยให้เห็นถึงพระปณิธานที่ทรงมุ่งมั่นในการอนุรักษ์ผ้าไทยอีกด้วย

เพราะการเสด็จทรงเยี่ยมช้างในครั้งนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงเลือกสวมใส่ฉลองพระองค์ที่ตัดเย็บจากผ้าพื้นถิ่นเป็นหลัก และที่โดดเด่นเป็นอย่างยิ่งคือการที่ทรงสวมใส่ฉลองพระองค์ม่อฮ่อม แมตช์กับผ้าขาวม้า และพระมาลาทรงฮิตแห่งยุค อย่างทรงบัคเก็ต ซึ่งเป็นของ SIRIVANNAVARI แบรนด์ในพระองค์ได้อย่างลงตัว โดยพระมาลาใบนี้อยู่ในคอลเล็คชั่น Bucket Hat Archeo Series ราคาเพียง 3,900 บาทเท่านั้น

ข้อมูลและภาพ : ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง The Thai Elephant Conservation Center Lampang

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

โก้หรูทรงพลัง! เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี ทรงเผยโฉมคอลเล็คชั่น AW 2020/21

ทรงงดงามทุกลุค ‘เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี’ ทรงสวมบทบาทนางแบบแบรนด์ในพระองค์

แฟนตัวยง! ตั๊ก บงกช สอยไอเท็มหรูแบรนด์ SIRIVANNAVARI คอลฯ ใหม่ก่อนใคร

The post “เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี” ทรงแมตช์ พระมาลาแบรนด์ SIRIVANNAVARI กับชุดผ้าพื้นถิ่น appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

สื่อต่างประเทศเผย ครอบครัวซัสเซกส์ถูกปฏิเสธให้ร่วมพิธีวัน Remembrance ด้าน เจ้าชายแฮร์รี่ ทรงรู้สึกเสียพระทัยเป็นอย่างยิ่ง เมื่อพระราชวังบักกิงแฮม ‘ ปฏิเสธ ‘ คำขอของเขาที่จะวางพวงหรีดในนามของพระองค์ที่อนุสาวรีย์

เป็นประจำทุกปีของวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่เราจะได้เห็นเหล่าสมาชิกราชวงศ์อังกฤษมาร่วมพิธี Remembrance หรือ วันรำลึกถึงทหารที่สละชีพในสงคราม แต่ปีนี้อาจแปลกตากว่าที่เคย เมื่อเจ้าชายแฮร์รี่ และ เมแกน มาร์เคิล ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกส์ไม่ได้เข้าร่วมพิธีนี้เหมือนเช่นเคย

เจ้าชายแฮร์รี่ เสียพระทัยยิ่ง ซัสเซกส์ ถูกปฏิเสธให้ร่วมพิธีวัน Remembrance

ทั้งนี้สื่อต่างประเทศ Daily Mail ได้รายงานว่า เจ้าชายแฮร์รี่ และ ดัชเชสเมแกนได้เดินทางไปวางดอกไม้ที่สุสานแห่งชาติลอสแองเจลิส เพื่อแสดงความเคารพต่อทหารในเครือจักรภพ โดยมีหลุมศพสองแห่ง คือ ทหารที่รับใช้ในกองทัพอากาศออสเตรเลีย และ ทหารจาก Royal Canadian Artillery  โดยเป็นดอกไม้จากคฤหาสน์ ซานตาบาร์บาร่า มูลค่า 14 ล้านเหรียญ ของทั้งคู่

ขณะเดียวกันดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซสก์ยังได้มาวางพวงมาลามาที่เสาโอเบลิสก์ในสุสานซึ่งมีแผ่นป้ายจารึกว่า ‘In Memory of the Men Who Have the Lives In Defence of their Country’

การเดินทางไปวางดอกไม้ และพวงมาลาในวันรำลึกถึงทหารที่สละชีพในสงครามของเจ้าชายแฮร์รี่ในสหรัฐอเมริกานั้นเรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกของพระองค์เลยก็ว่าได้ เพราะปกตินั้นดยุกแห่งซัสเซกส์จะต้องไปร่วมงานกับสมาชิกราชวงศ์คนอื่นๆ ณ The Cenotaph กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นประจำทุกปี แต่เมื่อพระองค์ได้ประกาศว่าจะออกจากการเป็นสมาชิกราชวงศ์สูง นั่นจึงหมายความว่างานหลวงทุกอย่างได้ถูกยุติลงด้วย

อย่างไรก็ตาม Daily Mail อ้างว่า เจ้าชายแฮรี่รี่ได้ส่งคำขอคำขอไปยังพระราชวังบัคกิงแฮม เพื่อขอวางพวงหรีดในนามของพระองค์ แต่ก็ได้ถูกปฏิเสธกลับมา เนื่องจากเจ้าชายแฮร์รี่ไม่ได้เป็นตัวแทนของสถาบันกษัตริย์อีกต่อไป ซึ่งมีการเผยด้วยว่าดยุกแห่งซัสเซกส์ทรงเสียพระทัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก แต่ต่อมาเดอะซันรายงานว่า เมื่อวานนี้พวงหรีดรำลึกของเจ้าชายแฮร์รี่ยังคงอยู่ที่กองบัญชาการกองทัพอังกฤษในเมืองเคนท์

เข้าสู่วัน Megxit ผู้เขียนประวัติเจ้าชายแฮร์รี่เผย “กลับบ้านเถอะ ประเทศต้องการคุณ”

คิดถึงกองทัพ! เจ้าชายแฮร์รี่ ต้องการตำแหน่งทหารคืน แม้จะถอยจากราชวงศ์

The post เจ้าชายแฮร์รี่ เสียพระทัยยิ่ง ซัสเซกส์ ถูกปฏิเสธให้ร่วมพิธีวัน Remembrance appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่ พระราชวังอิมพีเรียล ประเทศญี่ปุ่น ได้มีการจัดพิธีประกาศแต่งตั้งรัชทายาท หรือที่เรียกว่า “ริคโคชิ โนะ เร” มอบ “สึโบะคิริเกียวเคน” หรือ พระแสงดาบประจำพระองค์ขององค์รัชทายาทแห่งญี่ปุ่น

โดยการนี้ เจ้าชายฟูมิฮิโตะ อากิชิโนะโนะมิยะ พระอนุชาในสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ แห่งญี่ปุ่น จะทรงดำรงพระราชอิสริยยศในภาษาญี่ปุ่นคือ “โคชิ” หรือมกุฎราชกุมาร (皇嗣 – Kōshi: Crown Prince) เป็นองค์รัชทายาทสืบทอดราชบัลลังก์อย่างเป็นทางการ เนื่องจากสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะไม่ทรงมีพระราชโอรส โดยพระยศโคชินี้ต่างจากพระยศ “โคไตชิ” (皇太子 – Kōtaishi) ที่ใช้สำหรับมกุฎราชกุมาร ซึ่งเป็นพระรัชทายาททางนิตินัย (Heir Apparent) คือเป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในรัชกาลปัจจุบัน โดยเจ้าชายอากิชิโนะจะทรงดำรงพระราชอิสริยยศคือ “อากิชิโนะมิยะโคชิเด็งกะ” (秋篠宮皇嗣殿下 – Akishinonomiya kōshi denka: His Imperial Highness Crown Prince Akishino)

เช่นเดียวกับเจ้าหญิงคิโกะ เจ้าหญิงอากิชิโนะ พระชายาในฐานะว่าที่เจ้าหญิงมกุฎราชกุมารี จะทรงดำรงพระราชอิสริยยศคือ “โคชิฮิ” (皇嗣妃 – Kōshihi) หรืออย่างเป็นทางการคือ “อากิชิโนะมิยะโคชิฮิเด็งกะ” (秋篠宮皇嗣妃殿下 – Akishinonomiya kōshihi denka: Her Imperial Highness Crown Princess Akishino) และยังสามารถออกพระนามแบบลำลองคือ “คิโกะซามะ” (紀子さま – Kikosama) หรือเจ้าหญิงคิโกะได้ดังเดิม

ทั้งนี้เป็นที่น่าเสียดายที่รัชทายาทลำดับ 2 เจ้าชายฮิซาฮิโตะ พระโอรสใน “พระอากิชิโนะมิยะโคชิเด็งกะ” ไม่สามารถเข้าร่วมงานสำคัญของพระบิดาได้ เนื่องจากยังไม่บรรลุนิติภาวะ อย่างไรก็ตามสื่อญี่ปุ่นได้จับภาพของเจ้าชายน้อยวัย 14 ชันษา ได้ที่หน้าที่พัก ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนพิธีประกาศแต่งตั้งรัชทายาท โดยพระองค์เสด็จออกมาส่งพระบิดาและพระมารดาขึ้นรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมทรงโค้ง 90 องศาให้กับสองพระองค์

สื่อญี่ปุ่นเผยภาพ รัชทายาทลำดับ 2 เจ้าชายฮิซาฮิโตะ พระโอรสใน “พระอากิชิโนะมิยะโคชิเด็งกะ”

ข้อมูลจาก : cna, daydaynews

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

เจ้าชายฮิซาฮิโตะ ทรงใช้ชีวิตปกติ หลังถูกมือมีดปองร้ายที่โรงเรียน

คนญี่ปุ่นมากกว่า 80% พร้อมใจสนับสนุน “เจ้าหญิงไอโกะ” ขึ้นครองราชย์ได้

เส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบของ สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ แห่งญี่ปุ่น

The post สื่อญี่ปุ่นเผยภาพ เจ้าชายฮิซาฮิโตะ หลังไม่สามารถร่วมพิธีสถาปนา มกุฎราชกุมาร appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

เมื่อช่วงเย็นวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ ไปยังสนามยิงปืนราชสวัสดิ์มงคล เพื่อทรงฝึกซ้อมยิงปืน โดยมีประชาชนที่ทราบข่าวจำนวนหนึ่งมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ

ในการนี้ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงมีพระราชจริยวัตรที่เป็นกันเองกับพสกนิกรอีกเช่นเคย โดยทรงโบกพระหัตถ์ทักทาย ทรงแย้มพระสรวลอย่างแจ่มใส และพระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนจับพระหัตถ์ ฉายพระบรมฉายาลักษณ์ รวมถึงทรงร่วมฉายพระบรมฉายาลักษณ์แบบเซลฟี่กับประชาชนด้วย ทำให้ปรากฏพระบรมฉายาลักษณ์จากพระราชกรณียกิจส่วนพระองค์นี้ในโลกโซเชียล ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ก หรืออินสตาแกรม

ทรงสง่างาม “สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี” เสด็จฯสนามยิงปืน เป็นการส่วนพระองค์

สำหรับการเสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ ไปยังสนามยิงปืนราชสวัสดิ์มงคล สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงสวมใส่ฉลองพระองค์ชุดทหารอย่างสง่างาม พร้อมทรงสวมใส่พระมาลาทรงแก็ปสีแดงที่มีข้อความ COMMANDO ซึ่งเป็นอีกพระสไตล์หนึ่งที่พสกนิกรไม่ค่อยได้เห็นนัก

ข้อมูลและภาพ : กรมประชาสัมพันธ์

The post ทรงสง่างาม “สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ” เสด็จฯสนามยิงปืน เป็นการส่วนพระองค์ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 เวลา 14.00 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เสด็จแทนพระองค์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ไปยังไลฟ์สไตล์ฮอลล์ ชั้น 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน เพื่อทรงเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดงาน “สานสายใยเพื่อผลิตภัณฑ์สายใจไทยประจำปี 2563” ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 23 แล้ว

สำหรับงาน “สานสายใยเพื่อผลิตภัณฑ์สายใจไทย ประจำปี 2563” จัดขึ้นโดยมูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับศูนย์การค้าสยามพารากอน เพื่อจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หัตถกรรมคุณภาพดี ซึ่งสร้างสรรค์ขึ้นจากฝีมือของเหล่าทหารและตำรวจ รวมถึงอาสาสมัครผู้ทุพพลภาพจากการเสียสละทำหน้าที่ปกป้องผืนแผ่นดินไทย ภายใต้การดูแลของมูลนิธิสายใจไทยฯ ที่ดำเนินงานครบรอบ 45 ปีในปีนี้ อีกทั้งเพื่อฝึกอาชีพให้สมาชิกผู้ทุพพลภาพสามารถช่วยเหลือตัวเอง มีรายได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัวอย่างยั่งยืน

และที่สำคัญอีกประการคือ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่พระราชทานกำเนิดมูลนิธิสายใจไทยฯขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2518

เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา ทรงสานต่องานของมูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ตามพระราชปณิธานของในหลวง รัชกาลที่ 9

ทั้งนี้ งาน “สานสายใยเพื่อผลิตภัณฑ์สายใจไทย ประจำปี 2563” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-16 พฤศจิกายน 2563 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ  ไลฟ์สไตล์ฮอลล์ ชั้น 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

ข้อมูลและภาพ : Siam Paragon

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ทรงสง่างาม “สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ” เสด็จฯสนามยิงปืน เป็นการส่วนพระองค์

“เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี” ทรงแมตช์ พระมาลาแบรนด์ SIRIVANNAVARI กับชุดผ้าพื้นถิ่น

คลิปพระดำรัสตรึงใจ “เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา” ทรงย้ำต่อหน้าพสกนิกร เงินทุกบาทเข้ามูลนิธิฯ

The post เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา ทรงสานต่องานมูลนิธิสายใจไทยฯ ตามพระราชปณิธานพระอัยกา appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 เฟซบุ๊กเพจ ประชาสัมพันธ์ กรมราชทัณฑ์ ได้เผยแพร่เอกสารที่ระบุว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน 128 ล้านบาท แก่เรือนจำ 19 แห่ง และโรงพยาบาลแม่ข่ายของเรือนจำ โครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความ ดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ระยะที่ 2 โดยเอกสารดังกล่าวระบุอย่างละเอียดว่า

โครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความ ดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เกิดขึ้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ที่ทรงมีพระวิสัยทัศน์ อันกว้างไกล โดยทรงเห็นว่าสุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดีนั้น เป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน ไม่เว้นแม้แต่ผู้ต้องขัง ซึ่งก็คือประชาชนเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ทรงเห็นว่าการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ การพยาบาล รวมไปถึงการได้รับความรู้ในการดูแลสุขภาพของผู้ต้องขัง เป็นสิทธิของผู้ต้องขัง ที่ควรได้รับ เท่าเทียมกับบุคคลภายนอกตามหลักมนุษยธรรม ข้อจำกัดในด้านการได้รับความรู้ด้านสุขอนามัย ตลอดจนการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพของผู้ต้องขังจึงมีความสำคัญที่จะต้องพิจารณาปรับปรุง จึงได้ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้ริเริ่มโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ขึ้น เพื่อเป็นการเติมเต็มสิทธิของผู้ต้องขังให้ได้รับบริการทางสุขภาพ เฉกเช่น ประชาชนทั่วไป

นำ้พระราชหฤทัย ในหลวง พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ 128 ล้านบาท

The post นำ้พระราชหฤทัย “ในหลวง” พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ 128 ล้านบาท appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.